1. เลือกสินค้า หรือ บริการที่ดีที่สุดของท่าน มาทำก่อน เพื่อวัดผลหา CPA
เหตุผล เพราะ ณ เวลานี้ การแข่งขันสูง คู่แข่งของท่านลงมาเล่นหมดแล้ว ในทุกธุรกิจ ในทุกแพตลฟอร์ม
ยกตัวอย่างเช่น Google Search หลายๆ ธุรกิจ ราคาต่อคลิก (CPC) ประมาณ หลักร้อย หรือ เกือบร้อย
Ads Indus จึงแนะนำว่า ให้ท่านลองเอาจุดแข็งของสินค้าหรือบริการเพียงส่วนหนึ่ง มาสู้ใน Segment หนึ่ง เพื่อทดสอบตลาด และวัดผลลัพธ์ จนหาให้ได้ว่า 1 คนที่ติดต่อเข้ามา ใช้ต้นทุนกี่บาท
ในภาษาผู้ที่ทำโฆษณาออนไลน์ทั่วไป จะเรียกส่วนนี้ว่า Cost Per Acquisition (CPA) จากนั้นจึงพัฒนากลยุทธ์ให้ CPA นี้ต่ำลงไปเรื่อยๆตามสถานการณ์ แน่นอนว่า CPA ที่ต่ำลงในต้นทุนเท่าเดิม ผลก็คือมีผู้ติดต่อเข้ามามากขึ้น
2. มองการได้ลูกค้าแบบ Lifetime Value หรือ ตลอดอายุที่เรามีโอกาสขาย
ลูกค้า 1 คน อาจจำไปสู่การนำเสนอขาย สินค้า หรือ บริการ อื่นๆได้อีกมาก กลยุทธ์การปล่อยเหยื่อตัวเล็กเป็นสิ่งที่น่าสนใจ เช่น หากท่านขายสินค้าที่มีราคาสูง ทดลองหา สินค้าเสริมที่มีราคาต่ำ มานำเสนอก่อน เพื่อให้ได้ลูกค้ากลุ่มนั้นมา แล้วจากนั้นค่อย Remerketing สินค้าหลักในภายหลัง
3. ถ้าสู้กับค่าคลิ๊กของ Google Search ไหว ให้ใช้อันนี้เป็นหลัก
เครื่องมือที่ตอบโจทย์ กลยุทธ์รับ Google Search กลายเป็นที่พึ่งหลักของ ซัพพลายเออร์ โรงงานอุตสาหกรรม ทันทีเนื่องจากสถานการณ์โควิดเกิดขึ้น พฤติกรรมของผู้ที่มีโอกาเป็นลูกค้าของท่าน อาจไม่ใช้ผู้ที่มีเพียงแค่ความสนใจ แต่ต้องเป็นผู้ที่กำลังจะตัดสินใจ นั่นคือมีเรื่องของการเปรียบเทียบ และเครื่องมือทางออนไลน์ที่ตอบโจทย์การเปรียบเทียบ คือ Google Search
ข้อดี : ลูกค้าจาก Google Search หากท่านเลือก Keyword ได้ดี เขียน Ads ได้ดี ท่านจะได้ลูกค้าที่มีคุณภาพ โอกาสในการปิดการขายสูง
ข้อเสีย : ค่าคลิ๊ก Cost Per Click (CPC) แพง เนื่องจาก 2 ปัจจัยหลัก คือ
- การแข่งขันสูง เนื่องด้วยสถานการณ์โควิด แทบทุกเจ้าจะ Direct Sales หาลูกค้าใหม่ไม่ได้ จึงมาลงโฆษณา ที่ Google Search มากขึ้น
2. ปริมาณการค้นหาในตลาดลดน้อยลง โดยเฉพาะหลังจากสถานโควิด ระลอก 3 จะสังเกตุได้จากกราฟการสำรวจ
( ข้อมูลสำรวจปริมาณการค้นหา จากกลุ่มตัวอย่าง ลูกค้าโรงงานอุตสาหกรรม ข้อมูล เดือน สค. 2564 )
4. ใช้ Facebook Ads หรือ GDN Banner เน้น ตาม มากกว่า ดัน ให้ผลลัพธ์ที่คุ้มค่า
สำหรับ กลุ่มลูกค้าที่เป็นโรงงานอุตสาหกรรม เครื่องมือการตลาดออนไลน์ Facebook Ads หรือ GDN Banner อาจไม่ได้มีไว้เพื่อดัน แต่การใช้เพื่อตาม จากการทดลองให้ผลลัพธ์ได้ดีกว่า ท่านอาจเข้าถึงลูกค้าในครั้งแรกด้วย Google Search , SEO , Direct Link , จากนั้น Remarketing ด้วย Facebook Ads ซึ่งต้องฝัง Pixel หรือ GDN Banner ซึ่งต้อง Track Conversion จะได้ผลลัพธ์ที่มีต้นทุนถูกลง
5. เมื่อใช้ Facebook Ads หรือ GDN Banner ตามได้ผลลัพธ์ได้ดีแล้ว จึงนำมาขยายโดย Look A Like หรือ Similar
ไปอีกขั้น ถ้าเราเก็บกลุ่มเป้าหมายและได้ผลลัพธ์เป็นที่น่าพึงพอใจ สิ่งที่ทำต่อไปได้คือ การนำมาขยายโดย
Facebook Ads คือ การทำ Look A Like หรือ การขยายกลุ่มเป้าหมายโดยละเอียด โดยแนะนำให้เอา Pixel มาเป็นฐานการขยาย (Look A Like On Pixel)
GDN Banner คือ การทำ Semilar Campaign เป็นกาขยายกลุ่มเป้าหมายเช่นกัน แต่ถ้าจะ Advance ไปอีกระดับคือ ทำ List Conversion (เอาเฉพาะ คนที่กด Conversion ) ใน Google Analytics แล้วมาทำ Semilar Campaign ขยายผล
